ลิ้นหัวใจรั่วขั้นรุนแรง
ชีวิตกับความตาย เส้นแบ่งบางๆ ที่คั่นกลาง
ตอน 1
จากประสบการณ์ตรงของผม มีคนป่วยไม่น้อย ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ประตูแห่งความเป็นความตาย เพราะเหตุเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วขั้นรุนแรง เกิดน้ำท่วมปอดเอาบ่อยๆ ต้องใส่ท่อ ใส่เครื่องช่วยหายใจ เข้าๆออกๆโรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง หัวใจก็โตเอาๆ เมื่อหัวใจฝั่งซ้ายโตขึ้น หัวใจฝั่งขวาก็พลอยมีปัญหาตามมาด้วย จนบางรายเกิดตับโต มีตัวเหลืองตาเหลือง เหมือนคนโรคตับระยะสุดท้าย …กลุ่มคนป่วยเหล่านี้ ถ้าจะหวังรอดชีวิต ก็ต้องพิจารณาผ่าตัดลิ้นหัวใจอย่างเดียวแหละครับ แม้ว่า…ผ่าตอนอาการร่อแร่ ก็เสี่ยงมาก …แต่ถ้าไม่ผ่า ก็หมดลมหายใจแน่นอน
คนไข้คนหนึ่ง ที่แม้จะอายุเพียงไม่ถึงสามสิบปี แต่ต้องมาป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว เรียกว่าถึงขั้นรุนแรงมาก
ลิ้นหัวใจที่รั่วคือ ลิ้นหัวใจฝั่งซ้าย ที่กั้นระหว่างหัวใจห้องบน กับห้องล่าง
และแน่นอน… คำว่าลิ้นหัวใจ ก็ต้องหมายถึง สิ่งที่เป็นเหมือนวาล์วกั้นกระแสเลือด เพื่อให้เลือดไหลไปทางเดียว คือ จากห้องบน ลงห้องล่าง … ไม่มีการไหลย้อนกลับ
ถ้าหากลิ้นหัวใจมีปัญหา ไม่ว่าจะตีบแคบ หรือไหลย้อนทะลักกลับมาได้ มันก็เท่ากับตัวปั้ม ซึ่งก็คือ หัวใจ ย่อมต้องทำงานหนักขึ้น
กลับมาที่คนป่วยรายนี้ของกระผม…
ชายหนุ่มคนนี้ เป็นคนนนทบุรี แต่พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็ก พ่อย้ายไปมีครอบครัวใหม่ที่เมืองพิษณุโลก ส่วนแม่ก็ต้องอยู่ที่ลพบุรี ส่วนชายหนุ่มคนนี้ ก็ต้องไปอยู่กับปู่-ย่า ถึงจังหวัดสุรินทร์ …ปู่กับย่า มีอาชีพทำนา มีลูกหลานหลายคนอยู่อาศัยด้วยกัน เจ้าหนุ่มคนนี้เลยต้องหาเลี้ยงตัวเอง ปากกัดตีบถีบพอสมควร แม่ก็ฐานะยากจน ไม่อาจจะรับตัวเจ้าลูกชายคนนี้มาเลี้ยงได้
จนกระทั่ง เจ้าหนุ่มคนนี้เรียนจบ ม.3 ทางแม่จึงไปรับมาอยู่ด้วยกันที่ จ.ลพบุรี และมาเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนในเมือง จนจบ ม.6 แล้วเรียนต่อระดับอุดมศึกษา ที่มหาวิทยาลัยท้องถิ่นใน จ.ลพบุรี อยู่สองปี ก็ต้องหยุดเรียน เพราะแม่ไม่มีเงินส่งเสียค่าเล่าเรียนได้ สรุปคือไม่จบมหาวิทยาลัย …ได้แค่วุฒิ ม.6 …
ต่อมา หนุ่มคนนี้ ก็เริ่มหันมาขายเสื้อผ้า วิ่งตามตลาดนัดอยู่พักหนึ่ง ต่อมาเริ่มรู้จักคนมากขึ้น เริ่มติดเพื่อน และไม่สนใจทำมาหากินอีก ต่อมาก็โดนจับเรื่องยาเสพติด ต้องติดคุกอยู่ปีครึ่ง พอพ้นโทษออกมา ก็ได้กลับไปบวชที่ จ.สุรินทร์ บวชอยู่หนึ่งพรรษา ก็สึกออกมา แล้วกลับมาหางานทำที่ลพบุรีอีกครั้ง
แล้วเขาก็มีครอบครัว มีลูกสาวคนหนึ่ง อายุเพิ่งจะได้ขวบกับเจ็ดเดือน
ต่อมาก็แยกทางกับภรรยา ..และกลับมาอยู่กับแม่ ..ตอนที่กลับมาอยู่กับแม่ เขาก็เริ่มมีอาการเหนื่อยง่ายมากขึ้นแล้ว …เริ่มมีตัวเหลืองตาเหลือง มาพบหมอในลพบุรี ตอนแรกก็สงสัยเรื่องตับอักเสบเรื้อรัง … แต่ก็ตรวจหาเชื้อไวรัสตับบี ไวรัสตับซี ไม่พบ… เชื้อเอชไอวีก็ไม่มี… โอ้วว แล้วตับอักเสบ จนเหลืองอ๋อย ดีซ่านไปหมดจากอะไรกันเนี่ย
ต่อมาก็ตรวจจนเจอ …ว่าเป็นหัวใจโต.. พอดีที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งนั้น แม้ยังไม่มีหมอด้านหัวใจโดยตรง แต่ก็มีหมออายุรแพทย์หัวใจจากส่วนโรงพยาบาลเอกชน มาออกตรวจให้ เป็นประจำ ก็เลยได้มีการปรึกษาเคสไป
ก็ตรวจเจอว่า เป็นลิ้นหัวใจรั่วรุนแรง ตรวจเอคโค่ (อัลตราซาวด์หัวใจ) แล้วเจอว่ารั่วตรงหัวใจฝั่งซ้าย … แต่ตับโตมากด้วย แสดงว่าลิ้นหัวใจฝั่งขวา ก็ต้องรั่วระเบิดระเบ้อไม่แพ้กัน
ทีนี้ …ถึงตอนนั้น เจ้าหนุ่มคนนี้ แกอาการเหนื่อยรุนแรงมาก แปรงฟันก็เหนื่อย ทำอะไรไม่ไหวเลย ผมไปออกตรวจให้ที่โรงพยาบาลนั้นด้วยพอดี (ไปช่วยเค้าผ่าเคสปอด และหลอดเลือดเท่าที่พอทำได้) ผมเจอเขาตอนปลายเดือนธันวาคม ปี 2559 …
บอกได้คำเดียวว่าอาการเพียบมาก …แต่คนไข้มีอาการดีซ่านเยอะ เอนไซม์ตับก็ขึ้นสูงเป็นหลักพัน (ปกติจะแค่หลักสิบ) เรียกว่า ยังไม่พร้อมจะผ่าทันที เอาว่ารอหน่อย คิดว่าค่าเอนไซม์ตับ จะลงมาปกติได้บ้าง
แต่พอผ่านไป เดือนมกราคม 2560… นายคนนี้ อาการยิ่งหนักกว่าเดิม กลับบ้านไปได้สองชั่วโมง ต้องมาแอทมิทที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดอีกรอบ ด้วยอาการเหนื่อยมาก น้ำท่วมปอดรุนแรง …ใส่ท่อหายใจเข้าเครื่องช่วยหายใจมากกว่าสองรอบได้ ..คือ สรุปว่าหนักมาก
ทางแก้..มีทางเดียวคือ ต้องเข้าไปจัดการลิ้นหัวใจที่มันรั่วรุนแรงอยู่
แต่มันติดที่ว่า ประการแรก หัวใจของหนุ่มคนนี้ ฝืนทนต่อการทำงานหนักเพราะลิ้นหัวใจฝั่งซ้ายรั่วรุนแรงมานานมาก จนหัวใจโตจะเท่าส้มโอลูกใหญ่ๆอยู่แล้ว พอหัวใจฝั่งซ้ายโต แรงดันมันก็ดันกลับไปปอด และกลับไปหาหัวใจฝั่งขวามากขึ้นๆ จนกระทั่งลิ้นหัวใจฝั่งขวา ก็เกิดการรั่วรุนแรง เพราะหัวใจฝั่งขวาห้องล่างมันพองขยายมาก จนลิ้นหัวใจมันประกบปิดกันไม่ได้
…สรุปคือ ลิ้นหัวใจรั่วทั้งสองฝั่ง…
ลิ้นหัวใจฝั่งขวารั่วรุนแรงนั้น มันทำให้ตับ และลำใส้บวมน้ำมากไปด้วย ตับก็จะเสียการทำงานได้เช่นกัน แต่จะทำให้เหลืองขนาดที่ผมเห็นในรายนี้นั้น …นับว่าไม่ค่อยเจอ
…ตอนนั้น ผมก็คิดอย่างเดียวว่า ถ้าจะช่วยชีวิต เจ้าหนุ่มคนนี้ให้รอด มันมีทางเดียว คือต้องผ่าตัดเปลี่ยน-ซ่อมลิ้นหัวใจ เท่านั้น.. ไม่มีทางอื่น ..
แม้ว่า ถ้าผ่าก็เสี่ยงมาก …แต่ถ้าไม่ผ่าก็ตายแน่นอน…
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้…แต่…
หลังจากที่กระผม ได้ทบทวนรายละเอียดของเคสอย่างละเอียด ก็สามารถร่ายประเด็นปัญหาออกมาได้ดังนี้
-
คนป่วย มีภาวะหัวใจล้มเหลว เข้าขั้นรุนแรง มีน้ำท่วมปอดบ่อยมาก เข้าๆออกๆโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
-
หัวใจล้มเหลว เกิดจากภาวะลิ้นหัวใจ-ฝั่งซ้าย รั่วรุนแรง
-
มีปัญหา ตับโต ตัวเหลืองตาเหลืองรุนแรง เอนไซม์ตับ ก็สูงผิดปกติเข้าไปอีก เรียกว่า ตับจะทำงานไม่ไหวแล้ว
-
ปัญหาตับโต เกิดจากลิ้นหัวใจฝั่งขวา เกิดการรั่วรุนแรง เนื่องจากหัวใจห้องขวาพองโตมาก จากแรงดันเลือดในปอดสูงเป็นเวลานาน แรงดันเลือดในปอดสูงมานาน ก็เพราะหัวใจฝั่งซ้ายรั่วอย่างรุนแรงมานาน
-
คนไข้มีประวัติ เล่นยา ทั้งยาบ้า ยาไอซ์
-
ปัญหาตับโต ตับอักเสบเรื้อรัง ทำให้การทำงานของตับเสียหายไป ภาวะโปรตีนไข่ขาวในเลือดต่ำ เพราะตับผลิดได้น้อย ภาวะกลไกการแข็งตัวของเลือดเสียหายไป เสียเลือดง่าย เลือดหยุดยาก — ผ่าไปก็มีสิทธิเลือดออกไม่หยุดอีก
กล่าวคือ สรุปว่าเคสนี้หนักหนาสาหัสมาก …จนกระทั่ง ผมคิดว่าจะไม่ผ่า… แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บังเอิญว่า เคสนี้ ผมรีบประสานให้รถโรงพยาบาลประจำจังหวัด นำส่งมาให้ที่โรงพยาบาลที่ผมรับผ่าตัดหัวใจให้ ก็มากันไกลร้อยกว่าโลได้ .. แต่พอรับมาแล้ว ผมถึงได้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม จนเป็นที่ชัดเจนมากขึ้น ดังที่เห็นในปัญหาหกประการข้างต้นนั่นแหละ…
เคสนี้ จะผ่าวันอาทิตย์เช้า …ผมรีบประสานให้ทางโรงพยาบาลต้นสังกัดนำส่งมาให้ เมื่อวันเสาร์… รีบประสานก็เพราะเรารับรู้เพียงแค่ว่า คนไข้หัวใจล้มเหลว น้ำท่วมปอดรุนแรง ..ต้องผ่าอย่างเร็วที่สุดเท่านั้นเอง …ไม่ได้ไปคิดอะไรจิปาถะไปกว่านั้น
แต่พอมาถึงโรงพยาบาลที่จะผ่าตัดหัวใจเท่านั้นแหละ… โอ๊ยย ผงะเลย คนไข้โทรมมาก อิดโรยชัดเจน แต่ก็มีอาการเหมือนจะกระสับกระส่าย อยู่ไม่สุข …ซึ่งไอ้เราก็ต้องคิดประมาณว่า เออ…คนไข้อาการเหนื่อยมันเยอะนั่นเอง มันเลยเป็นแบบนี้… แต่..เอ๊ะ …มันก็กระสับกระส่ายพิลึกๆเหมือนกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไอ้เราเองก็ไม่ได้คิดหรอก ว่าคนที่ป่วยหนักขนาดนี้ มันจะมีแก่ใจไปเล่นยากันอีก
…กระนั้นก็เถอะ.. มาดูรูปการณ์แล้ว คิดว่า โอ้โหเคสนี้หนักแน่ๆ อาจจะไม่รอด …เอ้อ ความคิดแว่ปแรกคือ เราไปรีบกระตือรือร้นรับมาผ่าเพื่ออะไรเนี่ย ถ้าปล่อยเขาเป็นไปตามยถากรรม เราก็ไม่ต้องลำบากชีวิตตัวเอง เพียงเพราะอยากจะช่วยชีวิตคนอื่น
อีกอย่างที่ทางผมเองไม่อยากจะลุยไฟในเคสนี้.. ก็เพราะเมื่อต้นปี 2560 นี้เอง… เคสแรกของปีเลย ผ่าบายพาสแค่สองเส้นเอง …คนไข้ อายุ 75 มีอาการเหนื่อยมากก่อนผ่าตัด ทำอะไรไม่ค่อยไหว แต่ก็ไม่ถึงกับอาการเพียบหนัก ..ก็คือ เป็นโรคหัวใจนั่นแหละ แต่มาผ่าบายพาสหลอดเลือดหัวใจ เพราะทำบอลลูนใส่ขดลวดไม่ได้ ลักษณะเส้นเลือดมันเสี่ยงเกิน … เคสนี้เดินมาผ่า แต่หลังออกจากห้องผ่าตัดไม่ถึงชั่วโมง เลือดออกมาก เอาเข้าไปห้องผ่าตัดทันที แต่สุดท้าย ทำยังไง เลือดก็ซึมออกตลอด ไม่หยุด ซึมออกจากทุกขุมขนภายในทรวงอก …สุดท้ายตาย
เคสแรกของปี 2560 พอเดินมาผ่า …(ก่อนผ่า ก็โวยวายด่ากราดด้วย ..เอ้อ) แต่…ต้องห่อศพกลับ..
ลูกชายคนไข้ โวยซิครับ บอกว่า “เอาพ่อมาตายแท้ๆ” …
ผ่านไปสองสัปดาห์… พวกยังโทรหาโรงพยาบาลตอนห้าทุ่ม …อยากได้เบอร์หมอสัญญา.. เสียงอย่างเมามาก…
…. แล้วก็มาเจอเคสหนุ่มอาการเพียบคนนี้อีก
เอ้อ….ส่งกลับ รพ.ต้นสังกัด! …นั่นคึอ ข้อสรุปของผม ณ เวลาห้าทุ่มคืนวันเสาร (คนไข้มีกำหนดการผ่าตัดหัวใจ อาทิตย์เช้าวันถัดไป)
เป็นไงต่อไปน่ะหรือ…. อ่านต่อครับ
[feather_share show=”facebook, twitter, google_plus” hide=”reddit, pinterest, linkedin, tumblr, mail” skin =”wheel”]